Header Ads

สิงห์ส่งดร็อกตัวจริงซัด! จิ้งจอกสู้หนีตกชั้น


"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เตรียมส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ดาวยิงจอมเก๋าลงตัวจริงล่าชัย เกมบุกถิ่น "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จะสู้เต็มสูบเพื่อทำแต้มหนีโซนตกชั้น ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ 29 เม.ย. ศกนี้


ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพุธที่ 29 เมษายน 2558
เลสเตอร์ ซิตี้   -   เชลซี
ถ่ายทอดสด ช่อง
: ซีทีเอช สตเดี้ยม 4, Astro SuperSport 1, (เวลา : 01.45 น.)

สนาม : คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
        โปรแกรมตกค้างศึก พรีเมียร์ลีก ประจำวันพุธนี้เป็นการปะทะกันของ 2 สโมสรสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังรับการมาเยือนของจ่าฝูงอย่าง เชลซี ที่ต้องการคว้าชัย 2 จาก 5 นัดสุดท้ายเพื่อการันตีตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก
        "เดอะ ฟ็อกซ์" ของ ไนเจล เพียร์สัน กระโดดขึ้นมาอยู่เหนือโซนตกชั้นสำเร็จหลังฟาดชัย 4 นัดติด โดยเพิ่งบุกเชือด เบิร์นลี่ย์ 1-0 เก็บไปแล้ว 31 แต้มจาก 33 นัด
        ความพร้อมล่าสุด เจฟฟรี่ย์ ชลูปป์ ที่เจ็บจนไม่มีส่วนร่วมในเกมล่าสุด และ เดวิด นิวเจนท์ (น่อง) ต้องรอประเมินความฟิตต่อไป ขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ น่าจะพร้อมประจำการต่อเนื่องแม้ต้องฉีดยาระงับความเจ็บปวดที่เท้าก่อนเกมที่ ผ่านมา
        ส่วน ดีน แฮมมอนด์ (น่อง) อยู่ในช่วงเร่งฟิตต่อเนื่องแต่อาจมีลุ้นกลับมาเป็นสำรองในช่วงกลางสัปดาห์นี้
        เพียร์สัน คงไม่เปลี่ยนแปลงทีมจากสุดสัปดาห์ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เฝ้าประตูเหมือนเดิม แนวรับนำโดย เวส มอร์แกน แดนกลางจัด 3 ประสาน แอนดี้ คิง, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ หอกคู่ใช้ เลโอนาร์โด้ อูยัว ล่าประตูกับ เจมี่ วาร์ดี้
        "สิงโตน้ำเงินคราม" ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ขยับเข้าใกล้แชมป์ไปอีกก้าวหลังออกไปยันเสมอ อาร์เซน่อล 0-0 ทำให้รักษาช่องว่างจาก "ปืนใหญ่" 10 แต้มเท่าเดิมขณะที่เหลืออีก 5 นัดสุดท้าย
        สภาพทีมล่าสุด ดีเอโก้ คอสต้า (เอ็นหลังหัวเข่า) ยังคงต้องประเมินความฟิตต่อไปหลังยังไม่มีส่วนร่วมเมื่อสุดสัปดาห์ แต่น่าจะกลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรองเป็นอย่างน้อยในกลางสัปดาห์นี้
        สำหรับ ออสการ์ ที่เจ็บจากจังหวะเข้าปะทะกับ ดาวิด ออสปิน่า นายด่านอาร์เซน่อล จนต้องเข้าไปเช็คอาการที่โรงพยาบาล น่าจะไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ รวมถึง โลอิก เรมี่ (กล้ามเนื้อ) ที่ยังไม่พร้อมคืนสนามเหมือนเดิม
        ติโบต์ กูร์กตัวส์ เฝ้าเสาตามปกติ แผงแบ็กโฟร์ยึดชุดแกร่งนำโดย บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์ และ จอห์น เทอร์รี่ ที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ เช่นเดียวกับ เนมันย่า มาติช ส่วนที่เหลืออย่าง เชส ฟาเบรกาส, วิลเลี่ยน และ รามิเรส พร้อมประจำการต่อเนื่องรวมถึง เอแด็น อาซาร์ เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ โดยแดนหน้าปรับมาใช้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา คืนตัวจริง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
        เลสเตอร์ ซิตี้ (3-5-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้, เวส มอร์แกน, โรเบิร์ต ฮูธ - มาร์ค อัลไบรท์ตัน, แอนดี้ คิง, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, พอล คอนเชสกี้ - เลโอนาร์โด้ อูยัว, เจมี่ วาร์ดี้
        เชลซี (4-2-3-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า - เชส ฟาเบรกาส, เนมีนย่า มาติช - วิลเลี่ยน, รามิเรส, เอแด็น อาซาร์ - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
        ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ทเทนเบิร์ก


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
ผลงานการพบกันที่บ้านเลสเตอร์
เลสเตอร์ชนะ 19 เชลซีชนะ 10 เสมอ 17
ประตูที่ทำได้ : เลสเตอร์ 73 ลูก เชลซี 62 ลูก

- มีการทำสกอร์เพียง 8 ลูกจากเกมลีก 6 นัดหลังสุดที่เลสเตอร์ลงเล่นในบ้าน (ได้ 5 เสีย 3)
- เชลซี เก็บชัยเหนือเลสเตอร์มา 5 นัดติดต่อกันแล้วในพรีเมียร์ลีก
- เลสเตอร์ ลุ้นทำสถิติชนะในลีกสูงสุด 5 นัดรวด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 1964
- สิงห์บลูส์ ไร้พ่ายพรีเมียร์ลีก 13 เกมติดต่อกัน (ชนะ 9 เสมอ 4) นับจากพ่ายสเปอร์สในวันขึ้นปีใหม่ โดยความจริงแล้วทีมเกือบทำสถิติถึง 14 นัดรวดอยู่แล้วหากไม่แพ้ในแมตช์ดังกล่าว
- โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมเชลซีเก็บคลีนชีตได้ถึง 103 จาก 191 เกมพรีเมียร์ลีก (54 เปอร์เซ็นต์)
- เจมี่ วาร์ดี้ แนวรุกทีมจิ้งจอก ยิงได้ 3 ประตู แอสซิสต์อีก 2 จาก 5 นัดหลังที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก
- เลสเตอร์แพ้ตลอด 5 นัดหลังที่ลงสนามเจอทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก
- เอแด็น อาซาร์ จอมทัพเชลซี สร้างสรรค์โอกาสทำสกอร์มากที่สุด (88) เช่นเดียวกับเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุด (254) ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
- เชลซี ทำสถิติยิงได้มากที่สุด (14) ในช่วง 15 นาทีแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
- เลสเตอร์ โดนส่องตาข่ายในครึ่งแรกฤดูกาลนี้ (27) มากกว่าที่ เชลซี เสียประตู (26) ทั้งซีซั่น 2013/14

ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (ที่บ้านเลสเตอร์)
ไม่ได้พบกัน

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.